Niwat Chatawittayakul คอลัมนิส และนักธุรกิจ ปัจจุบันทำธุรกิจด้านวางแผนกลยุทธ์การตลาดและโฆษณาดิจิทัล อีกฝั่งสวมหมวกบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีโดย มุ่งความสนใจไปที่ BigData Blockchain และ Digital Transformation

Social Media : ความแข็งแรงอันน่ากลัวของ Google+

32 sec read

Google+ Social Media ภายใต้ชื่อ Google กำลังสร้างฐานผู้ใหญ่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่ใช้สร้างกระแสการเปิดตัวเช่นเดียวกับ Gmail ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น แผนต่อไปของ Google คือทำทุกวิถีทางให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Google สร้างเครือข่ายสังคมบน Google+ ให้ได้มากที่สุด

จำนวนผู้ใช้ Google+ มีตัวเลขมากกว่า 25 ล้านคนเมื่อต้นเดือนสิงหาที่ผ่านมา แม้ว่าจะเติบโตเร็วสูงสุดในบรรดา Social Media ทุกๆ ราย แต่นั่นก็ยังน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้ Facebook ที่มีมากกว่า 720 ล้านคน ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใช้ Social Media อย่าง Google+ ยังคงอยู่ในกลุ่มผู้ใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มนักพัฒนาและกลุ่ม Technology Adopter เป็นคำถามยอดฮิตว่า แล้วเมื่อไหร่ Google+ จะสามารถต่อสู้กับ Facebook ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และเราในฐานะนักการตลาดจะต้องเริ่มทำอะไรกับการมาของ Google+ ครั้งนี้บ้าง

ตัวเลขคาดการของ YouGovบริษัทวิจัยตลาดจากอังกฤษ คาดสถานการณ์ของ Google+ ว่ายังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดี และดีต่อไปเรื่อยๆ จนสามารถขึ้นเป็นอันดับ 2 ของ Social Media ของโลกได้ก่อนสิ้นปี 2012 ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่ไม่ได้ไกลจากความเป็นจริง เพราะ Google มีช่องทางที่จะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้ได้จากฐานผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google ได้ อาจจะเริ่มต้นจากกลุ่มผู้ใช้บริการ Gmail ซึ่งมีผู้ใช้แตะๆ 200 ล้านคน หรือข่าวร้อนๆ ล่าสุดกับการซื้อ Motorola ผู้ผลิตมือถือชั้นนำ ทำให้นักวิเคราะห์คาดการว่า การลงทุนในครั้งนี้ของ Google จะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมากให้กับ Android ซึ่งปัจจุบัน มีจำนวนมากกว่า 150 ล้านเครื่องทั่วโลก จากการรายงานของ TechCrunchเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันการเติบโตอย่างรวดเร็วของผู้ใช้ Google+ ได้อีกทาง ทำให้ช่วงสร้างฐานความเป็น Social Media ให้สมบูรณ์ มากยิ่งขึ้นในแง่ของจำนวนผู้ใช้

ความแข็งแรงอันน่ากลัวของ Google+ การมาของ Google+ สร้างความหวาดหวั่นให้กับตลาด Social Media เพราะเมื่อ Google+ ลงอาจจะทีหลายรายที่ต้องบอกลาและได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ซึ่งแน่นอน Facebook กับ Twitter เป็นกลุ่มแรกที่ถูกจับตา มาดูความน่าหวาดหวั่นจากการมาในครั้งนี้กันครับ

blank

ทุกเว็บต้องมี ปุ่ม +1
เป็นการมัดมือชกทางอ้อมของ Google ที่จะทำให้บรรดาเจ้าของเว็บไซต์ต่างๆ จำเป็นต้องนำปุ่ม +1 ไปใส่ในเว็บไซต์ ของตนเนื่องด้วยการมาของปุ่ม +1 นั้นจะกลายเป็นส่วนสำคัญใหม่ในการจัดลำดับผลการค้นหาด้วย Google Search นั่นเป็นคำตอบสุดท้ายๆ กลายๆ ให้กับเว็บไซต์ต่างๆ นั่นว่าหากต้องการให้รายชื่อเว็บไซต์อยู่ในอันดับผลการค้นหาที่ดีแล้วจำเป็นต้องมีปุ่ม +1 ซึ่งแน่นอนผู้ที่จะกด +1 ได้จะต้องมี Account Gmail และท้ายที่สุดจะต้องมี Google+ Profileในอนาคตเราจะเห็นปุ่ม +1 มากพอๆ กับปุ่ม Like ของ Facebook

Google+ Post ปรากฏการค้นหาใน Google
Real-time Search เป็นช่องทางใหม่ที่ผู้ใช้จะค้นหาติดตามสถานการณ์ข่าวต่างๆ ผ่าน การพูดคุยบน Social Media ซึ่ง Google ในก่อนหน้านี้จะมีการดึงข้อมูลจาก Twitter มาแสดงผลในการค้นหา ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่มีการต่ออายุสัญญา เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของ Google ที่มี Social Media ของตัวเองเกิดขึ้น แต่การมาของ Google+ เมื่อเข้าสู่กลุ่มผู้ใช้จำนวนมากก็จะทำให้ Brand Conversation และการพูดถึงเรื่องต่างๆ ของผู้ใช้ Google+ จะถูกผนวกเข้าสู่ Google Search ผู้ใช้สามารถค้นหา Conversation ที่เกี่ยวกับแบรนด์ได้ทันทีซึ่งมีทั้งแง่บวกและลบ สำหรับธุรกิจซึ่งแบรนด์จะละเลยไม่ได้เลยทีเดียว และส่วนหนึ่งของผลการค้นหาก็มาจาก Google+

Google+ Brand/Business Page ที่ดีกว่า Facebook
เม็ดเงินในตลาดโฆษณาบน Social Media จากบรรดาแบรนด์ชั้นนำเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ Google ยังไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปแบ่งเค้กชิ้นนั้นได้เต็มที่ ทำให้ Facebook ยังคงครองรายได้มหาศาลนั้นไป แผนการสร้าง Fanpageตามรอย Facebook ย่อมเป็นหมากสำคัญของ Google ที่จะต้องสร้างให้ Google+ Brand Page นั้นมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

blank

Google+ Brand Page เป็นส่วนที่ได้รับความสนใจมากจากนักการตลาด ด้วยเหตุผล ว่าถ้าผู้ใช้มี Google+ จำนวนมาก แบรนด์การเริ่มสร้างฐาน แฟนตั้งแต่เนิ่นๆ ความน่าหวาดหวั่นของ Google+ ที่อาจจะทำให้ Facebook ต้องหวาดผวา อาจไม่ใช่แค่การเติบโตที่รวดเร็ว แต่ที่น่ายำเกรงที่สุดคือ หน้า Brand Page ภายใต้ความเป็น Google+ นี่แหละที่จะมีประสิทธิภาพในการทำการตลาดที่เหนือกว่า Facebook ด้วยหลายๆ เหตุผล โดยส่วนสำคัญคือผนวก Google Products ที่ยอดเยี่ยมรวมกับ หน้าธุรกิจ Brand Page

ปัจจุบัน แบรนด์ และธุรกิจท้องถิ่นมีการนำ Google Products หลายตัวไปใช้ในการทำการตลาด ดิจิทัล กันอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อมีการนำเครื่องมือต่างๆ มาผนวกรวมกับ Google+ ในหน้า Profile จะยิ่งทำให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพและเครื่องมือที่ Facebook ไม่มี และมีความพร้อมมากกว่า แบรนด์สามารถเชื่อมระบบการซื้อสินค้าผ่าน Google CheckOutระบบการจ่ายเงินบนออนไลน์ หรือการผนวก Google Mapการปักหมุด สาขาและร้านค้าต่างๆ บน Google Map สามารถนำมาผนวกรวมกับการสร้างกิจกรรมของหน้า Brand Page ของแต่ละพื้นที่ และยังสามารถสร้าง Deal แบบ Social Commerce โดยนำบริการ Google Offers หรือแม้กระทั่งการนำ Google Analyticsมาใช้ในการวัดผล ROI วิเคราะห์การใช้งาน Social Media รวมถึงการจัดการ Campaign ต่างๆ

อีกส่วนหนึ่งที่มีการคาดการถึงหน้า Brand Page ที่จะสามารถ ยืดหยุ่นในการสร้าง Branded Channel ที่เป็น Rich-Media ได้เช่นเดียวกับ YouTube นั่นก็อาจทำให้กิจกรรมการตลาดออนไลน์หวือหวากว่า Facebook

แม้ว่าจะเห็นข้อดีหลายๆ อย่างของ G+ แต่ก็ยังเป็นศึกหนักของ Google ในการจะเจาะเข้าสู่ตลาด Social Media ซึ่งไม่ง่ายนัก เพราะFacebook เจ้าตลาดยังคงปรับตัวอย่างรวดเร็วและฐานผู้ใช้ยังคง Activeและเหนียวแน่นแม้จะมีข่าวว่าจำนวนเวลาการใช้งาน Facebook นั้นลดลง ตั้งแต่มี Google+ เกิดขึ้น แต่ก็เช่นกัน ตอนนี้ Google+ ก็ยังคงประสบปัญหาเช่นเดียวกับ Google Buzz ที่ผู้ใช้แค่เข้ามาลองในช่วงต้น และไม่กลับมาอีก ทำให้ตามตัวเลขยอดผู้ใช้ส่วนใหญ่ของ Google+ เป็นผู้ใช้ In-Active ซะเป็นส่วนใหญ่ ก็คงจะแย่ ท้ายที่สุดความท้าทายของGoogle+ก็ยังเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ไม่ง่ายของ Social ว่าคือสังคมของกลุ่มคน ไม่ใช่ Platformหรือ Web Serviceที่ให้บริการ Social Media

บทความนี้ถูกเขียนขึ้นที่ นิตยสาร Positioning