Niwat Chatawittayakul คอลัมนิส และนักธุรกิจ ปัจจุบันทำธุรกิจด้านวางแผนกลยุทธ์การตลาดและโฆษณาดิจิทัล อีกฝั่งสวมหมวกบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีโดย มุ่งความสนใจไปที่ BigData Blockchain และ Digital Transformation

Slide : Digital Marketing Trend 2013 ปีที่เทรนด์ขับเคลื่อนด้วย พฤติกรรมผู้บริโภค

11 sec read

หลังจากได้ไปถ่ายทอดเรื่องราวของ Digital Trend 2013 หลายๆ ที่ทั้งลูกค้าของทางบริษัทเอง และก็งานสัมนาต่างๆ รวมถึงงานที่ปรึกษา ก็ถึงเวลาเอาเอกสารมาแชร์ให้ทุกคนได้นำไปใช้ซักที ไม่ใช่เพราะต้องรอเวลาหรอกครับ แต่ไม่ว่างซักที ผลัดมาเรื่อยๆ

ปี 2013 เป็นปีที่เทคโนโลยีในภาพใหญ่ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเป็นนัยยะสำคัญมากมายขนาดที่ต้องโฟกัสคนที่ปวดหัวคือนักพัฒนาเพราะโดยส่วนใหญ่เปลี่ยนในเชิงของงาน Production ซะมากกว่า ในภาพใหญ่ปี 2013 นัยยะสำคัญสำหรับนักการตลาด Digital นั้นคือพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไปอย่างมากซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เองเป็นโอกาสในการทำการตลาด จากการเข้าใจพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการสื่อสารและวางกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์สูงสุด ผมสรุปดิจิทัลแทรนด์จากหลายแหล่งเพื่อสรุปความน่าสนใจที่ลูกค้า และนักการตลาดในเมืองไทยควรทราบไว้เพื่อเป็นบริบทใหม่ในการ คิดแผนกลยุทธ์ในการการตลาดผ่าน ดิจิทัล

Responsive Webdesign + Website is EveryWhere
ขนาดหน้าจอของ อุปกรณ์ดิจิทัลสกรีน มีบทบาทมากในการใช้งานของผู้บริโภคเนื่องจากว่า การเข้าชมเว็บไซต์ในระยะหลังถูก Access ผ่านมือถือเติบโตมีแนวโน้มที่จะมากกว่า PC ด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นการทำเว็บไซต์ให้รองรับการแสดงผลหน้าจอใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงทั้งแนวตั้งและแนวนอนจะต้องเกิดประสบการณ์การใช้่งานที่ดีกับผู้ใช้สูงสุด การที่คนเปิดไม่ได้เมื่อเข้ากับมือถือ ก็เท่ากับเสียโอกาสในการได้ลูกค้าเลยก็เป็นได้

Content Marketing
การตลาดด้วย Content เป็นเทรนด์สำคัญที่ได้ยินกันหนาหูมาก เพราะตอนนี้แบรนด์ทุกแบรนด์ต่างก็มี Social Media ของตัวเองอย่างน้อยก็ 3 ช่องทาง บางรายมีครบทุกสื่อ ซึ่งอาจมากกว่า 10 และปีที่ผ่านมาเรามุ่งมั่นกับการสร้าง Owned Media ของตัวเองเพราะเป็นช่องทางในการสื่อสารแบรนด์กับผู้บริโภค หัวใจสำคัญของสื่อก็คือ Content การคิด Creativity ของเนื้อหาในยุค Social Media จึงสำคัญมากเพราะมีสิ่งที่เอื้อให้เกิดการกระจายตัวของเนื้อหาได้ง่ายด้วยการ Like,Share ซึ่งหากเนื้อหาโดนใจคนหมู่มากก็จะเกิด Viral ซึ่งอาจมี Media Value มากกว่าการซื้อโฆษณาผ่านกระแสหลักด้วยซ้ำ

ชีวิตแบบ Mobility และ Context ของการใช้
บริบทของชีวิตแบบเคลื่อนที่ของผู้บริโภคที่ ไม่ได้เคลื่อนที่ไปทุกที่อย่างเดียว ผนวกกับการเข้าถึงสื่อดิจิทัลตลอดเวลา 24 ชั่วโมง 365 วัน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่ดิจิทัลจะช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบดิจิทัลรวมถึงเป็นโอกาสของการทำการตลาดผ่านช่องทางนี้ด้วย จึงเกิด ZMOT(Zero Moment of Truth) และ Website is Every Where , Combination of Screen , Online and Offline Integration และอื่นๆ ตามมาอีกมากครับ

หวังว่าคงจะมีประโยชน์นะครับ …ตั้นเอง @butthun