Niwat Chatawittayakul คอลัมนิส และนักธุรกิจ ปัจจุบันทำธุรกิจด้านวางแผนกลยุทธ์การตลาดและโฆษณาดิจิทัล อีกฝั่งสวมหมวกบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีโดย มุ่งความสนใจไปที่ BigData Blockchain และ Digital Transformation

ชีวิตดีขึ้นทันตา เมื่อเลิก Facebook

9 sec read

สาเหตุที่ Facebook กลายเป็นกิจกรรมยอดฮิตของคนทั่วโลก ไม่ใช้แค่เรื่องของความสามารถในการเชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกัน ช่วยในเรื่องการติดต่อสื่อสารที่สะดวกรวดเร็ว แต่ Facebook นั้นตอบสนองความต้องการเชิงลึกทางจิตวิทยาของมนุษย์ ที่สามารถแสดงออกและสร้างคุณค่า การยอมรับให้กับตัวเอง และที่สำคัญในภาวะสังคมที่เป็นสังคมแบบเดี่ยว ครอบครัวที่มีขนาดเล็กลง จำนวนคนโสดเพิ่มขึ้น การลดลงของอัตราการเกิด Facebook ตอบโจทย์ในการแก้เหงาไปในตัว โดยที่หลายคนไม่ทราบนั่นเป็นส่วนสำคัญทำให้คนทั่วโลกติด Social Media เพราะมันเป็นยาแก้เหงาขนานดี ที่หาซื้อได้ง่ายมาก

มีคนที่ติด Social เข้าขั้นระดับติดงอมแงมเหมือนยาเสพย์ติด อนาคตอาจจะต้องมีการบำบัดอาการติด Social Media และจำนวนคนที่เป็นโรคเสพย์ติด Social ที่มากขึ้น คำว่า FOMO (Fear of Missing Out) กลัวพลาดตกข่าว มีจำนวนมากขึ้น และกระแสคนที่ปิดกั้น Social อยู่ในกลุ่ม JOMO (Joy of Missing Out) มีความสุขที่จะอยู่คนเดียวตัดขาด Social Media นั้นมีจำนวนมากขึ้นและมีมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลเพราะเมื่อตัด Social Media ชีวิตมีความสุขขึ้น สอดคล้องกับบทความในระยะหลังที่เริ่มเห็นมากขึ้น บทความงานวิจัยที่กำลังบอกคนที่ใช้ Social นับพันล้านคนว่า จงเลิกเล่น Facebook แล้วไปทำอย่างอื่น ชีวิตจะมีความสุขขึ้น แน่นอน

แล้วถ้าเลิก Social Media เลิกใช้ Facebook จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตบ้าง

คุณจะทำอะไรๆ ได้ดีขึ้นเพราะไม่มีสิ่งรบกวน และใช้เวลาได้มีประสิทธิภาพขึ้น

คนสมัยใหม่สมาธิสั้นเพราะมีสิ่งรบกวนเยอะแยะมากมายจนไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลายาวๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำอะไรก็ตามนั้นลดลง การทำงานไม่ต่อเนื่อง ความสนใจลดลงส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ออกมา

ได้เจอเพื่อนจริงๆ

ยังจำเพื่อนสนิทสมัยมัธยมได้มั้ยครับ เริ่มสงสัยมั้ยทำใมเพื่อนสนิทสมัยนี้หายากขึ้น ทั้งที่เรารู้จักคนเยอะมากขึ้นหลายเท่าเมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เหตุเป็นเพราะนั่นไม่ใช่เพื่อนจริงๆ เพื่อนจริงๆ เกิดจากการเรียนรู้นิสัยใจคอ ท่าทางการแสดงออก ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถสัมผัสได้แค่ ภาพหรือตัวอักษรผ่านการสื่อสารด้วยเทคโนโลยี

ถ้าได้ใช้ชีวิตจริงๆ แล้วจะรู้ว่า Like ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย

Like ตอนนี้กำลังครอบงำเราไม่รู้ตัว เพราะจำนวนยอด Like เป็นอัตราวัดเดียวที่เกิดขึ้นของผู้ใช้ Facebook ถึงการมีคุณค่า ถ้าเราเริ่มวัด Like เทียบไลค์กับคนอื่น อยากได้ตัวเลข Like ที่มากขึ้น เรากำลังติดกับดักดูดความสุขไปจากคุณเสียแล้ว ถ้าเราเลิกสนใจมัน เอาไปใช้ชีวิตจริงๆ แล้วจะได้รู้ว่า Like ไม่มีความหมายอะไรเลย ความสุขจะเข้ามาเอง

ทำอะไรสำเร็จได้มากขึ้น

ข้อนี้ไม่ต้องอธิบายมากครับ เวลาเราตั้งใจทำอะไรมากขึ้น ก็จะมีโอกาศสำเร็จได้ดีขึ้นกว่าเดิม ใครไม่อยากสำเร็จบ้าง พื้นฐานความสำเร็จของคนยุคนี้ละเลิก Social ลดลง

รู้สึกดีมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเอง

สาเหตุของคนที่ไม่มีความสุขเมื่อใช้งาน Facebook เพราะการเห็นและเฝ้าดูชีวิตของคนอื่น เกิดการเปรียบเทียบ เกิดกิเลส การไม่เห็นชีวิตไลฟ์สไตล์ของผู้อื่น เราจะมีความสุขขึ้นที่ไม่ต้องถูกเปรียบเทียบหรือพยายามที่จะสร้างคุณค่าของตัวเองเพื่อเทียบกับผู้อื่น แน่นอนว่าการทำอะไรอย่างสบายใจไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร ก็จะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น

เห็นโฆษณาน้อยลง

Facebook เต็มไปด้วยโฆษณาไม่ว่าจะเป็นโฆษณาด้านข้างที่เป็นโฆษณาที่ Facebook นำมาให้เราได้เห็น แม้แต่สิ่งที่คนแชร์ส่งต่อกันมานั้นก็เป็นโฆษณาแฝงจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของนักโฆษณาที่พยายามหาช่องทางในการคุยกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เมื่อเราลดการเล่น Facebook ลงเราก็จะไม่ถูกโฆษณาเข้าหาชีวิตก็จะดีขึ้น เมื่อตัดโฆษณาที่เห็นมากเกินไปทิ้งไป

ตั้งเป้าปี 2559 ด้วยการละเลิก Facebook ใช้ Social เพื่อให้งานและชีวิตประสบความสำเร็จมากขึ้นกันเถอะครับ