สกุลเงินดิจิทัล คริปโต โทเค็น บิตคอยต์ คำเหล่านี้เริ่มถูกพูดถึงอย่างมาก และผมก็เริ่มได้ยินผ่านทีวี นักธุรกิจ พูดซ้ำๆ แสดงให้เห็นถึงกระแสความสนใจของคนนั้นขยายใหญ่ขึ้น และเรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นใหญ่ของวงการการธนาคารและการเงิน หลายประเทศก็พยายามหาทางปรับตัว ทำความเข้าใจ แสดงจุดยืน ทีท่าของตน ต่อการผันผวนวงการการเงินครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสิบปี เทคโนโลยีด้านการเงินกำลังถูกขึ้นกระแสใหม่สร้างความปั่นป่วนไปทั้งโลก ผมเองในฐานะนักธุรกิจแวดวงเทคโนโลยี ยอมรับว่า เราต้องหาทางตั้งรับของตัวเอง เพราะถ้าเราไม่ตั้งรับอะไรเลย ก็จะโดนคลื่นทำลายไปได้ในที่สุด เราคงไม่อยากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือพยายามมองคลื่นให้เป็นและโต้มันให้ได้
ผมเลยหยิบรวบรวม ทรรศนะของผู้ทรงอิทธิพลวงการธุรกิจ การเงิน การลงทุน ที่มีความเห็นต่อ BITCOIN และสกุลเงินดิจิทัล ว่าคำพูดของคนเหล่านี้ไปทางไหน และท่าทีเป็นยังไง ต่อปรากฏการณ์แห่งยุคของสกุลเงินดิจิตอล ลองอ่านไปให้ครบ แล้ววิเคราะห์แนวทางของตัวเองได้เลยครับ
เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน
“ผมว่ามันเวิร์ค และจะมีอีกหลากหลายสกุลเงินดิจิตอลตามมา แต่ในตอนนี้ ตลาดใหญ่ที่สุด คือ Bitcoin” – เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน
อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Bitcoin ผมเชื่อว่าการจัดการปริมาณของเงินหมุนเวียนในระบบ ไม่ควรตกอยู่ในมือรัฐบาล” – อัล กอร์
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย
“ธปท. รู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรควรปรับ กฎระเบียบ กฎเกณฑ์ ไม่ใช่ว่าอะไรก็ไม่ได้ ดูความรัดกุม อะไรที่มากไปก็ไม่ดี อะไรน้อยไปก็ไม่ดี และก็ต้องไปดูว่าไทยควรมี Bitcoin หรือไม่?” – สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
เอริค ชมิทต์อดีต CEO ของ Google
“Bitcoin คือ ผลงานชิ้นเอกของศาสตร์แห่งการเข้ารหัส การสร้างสิ่งหนึ่งขึ้นมาในโลกดิจิตอล ที่ไม่สามารถคัดลอกหรือดัดแปลงได้ นี่คือความสุดยอด” – เอริค ชมิทต์
วอร์เรน บัฟเฟตต์ หนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก
“มันคือภาพลวงตา ความคิดที่ว่ามันมีมูลค่าจริงๆนั้นเป็นเหมือนมุกตลก” – วอร์เรน บัฟเฟตต์
บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้ง Microsoft
“Bitcoin นั้นดีกว่าสกุลเงินจริงในแง่ที่ว่า คุณไม่จำเป็นต้องไปอยู่ในที่ที่เดียวกันจริงๆเพื่อที่จะมอบเงินให้กันและกัน และแน่นอนว่าพอพูดถึงเงินจำนวนมากแล้ว เงินจริงจะยิ่งซับซ้อนและยุ่งยากกว่า Bitcoin” – บิล เกตส์
บรรณาธิการ People’s Daily เป็นหนังสือพิมพ์ทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและกลุ่มหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
“จริง ๆ แล้ว BITCOIN ก็คือ ความหายาก ความโปร่งใส การกระจายอำนาจ (DECENTRALIZED) โดยทั้งหมดนี้ก็เพื่อแค่การเก็งกำไรเท่านั้นแหละไม่สามารถรองรับราคาที่ผันผวนได้หรอก”
Jamie Dimon CEO ของ JPMorgan
“สำหรับผม Bitcoin นั้นก่อนหน้านี้มันมักจะเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจะเริ่มกลัวเมื่อมันมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และผมก็เป็นแค่คน ๆ หนึ่งที่มีความเห็นต่างจากคนอื่น ๆ ก็แค่นั้น ผมไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้มากนักสักเท่าไร”
Dennis Gartman บรรณาธิการและผู้จัดพิมพ์หนังสือ The Gartman Letter
ให้นิยาม Bitcoin ว่าเป็นสิ่งที่โง่เขลาที่สุดที่เขาเคยได้ยินมาเป็นเวลานานแล้ว เขาได้อธิบายในช่อง CNBC “Future Now” โดยคาดการณ์ว่าความนิยมของตลาด Bitcoin จะลดลงเมื่อมันมีมูลค่าเหลือ 5,000 ดอลลาร์ เขาได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า Bitcoin ไม่มีคุณค่าที่แท้จริงและเมื่อเร็ว ๆ นี้เขากล่าวว่ามันจะทำให้เกิดฟองสบู่ทิวลิปเหมือนที่เกิดขึ้นในฮอลแลนด์ในศตวรรษที่ 17
ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
“ผู้ว่า ธปท.ยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องที่ปีที่ผ่านมาเกิดกระแสความนิยมในการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ว่าผู้ที่จะลงทุนควรระมัดระวังและศึกษาข้อมูล รายละเอียดให้รอบคอบก่อนลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล เพราะสกุลเงินดิจิทัล ไม่ใช่เงินที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไทย และในปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดยอมรับหรือรับรองว่าเงินสกุลดิจิทัลเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย” ดร.วิรไท สันติประภพ
สิ่งที่รวบรวมมาไม่ได้พยายามเจาะจง มุมใดมุมหนึ่งนะครับ แต่เป็นวาทะกว้างๆ ของผู้ทรงอิทธิพลเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการเงินท้ายที่สุดมันคือ กระแสของความเปลี่ยนแปลงที่มีโอกาสไปได้หลายทิศทาง มีโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลง สร้างผลกระทบ หรือทำลายอะไรบางอย่างไป เป็นไปได้หมด แต่สิ่งที่ข้อสรุปที่ชัดเจนได้สำหรับเรื่องนี้เลยก็คือ เทคโนโลยี BlockChain ได้รับการยอมรับจากผู้นำทางด้านเทคโนโลยี และบุคคลชั้นนำทั่วโลก นั่นคือสิ่งที่พิสูจน์และเป็นไปแล้ว ยินดีต้อนรับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีกมากจากเทคโนโลย BlockChain ได้เลยในสองปีนี้