Niwat Chatawittayakul คอลัมนิส และนักธุรกิจ ปัจจุบันทำธุรกิจด้านวางแผนกลยุทธ์การตลาดและโฆษณาดิจิทัล อีกฝั่งสวมหมวกบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีโดย มุ่งความสนใจไปที่ BigData Blockchain และ Digital Transformation

ก้าวต่อไปของ Instagram ถึงเวลาโตและทำเงิน

6 sec read

ในช่วงเวลาแห่ง Social Media มีดาวรุ่งและดาวร่วงหลายราย ดาวรุ่งพุ่งแรงที่ใครๆ ก็ต่างกล่าวขวัญต้องมีชื่อ Instagram อยู่ในอันดับดาวรุ่งพุ่งแรง Instagram ที่มีผู้ใช้มากกว่า 300 ล้านผู้ใช้ทั่วโลกแซงหน้าทวิตเตอร์ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว กำลังขยับตัวเองมาสร้างสีสันให้วงการ Social อีกครั้งในเวลานี้ที่ใครๆ ก็ดูจะนิ่งๆ ไม่หวือหวาเหมือนเดิม

Instagram ภายใต้ Facebook หลังจากโดนซื้อกิจการไป เพื่อเป้าหมายครอบครองฐานผู้ใช้วัยรุ่น นับตั้งแต่วันที่โดนซื้อก็ยังเปิดให้บริการอย่างปกติยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากมายหลังจากเปลี่ยนเจ้าของเท่าไหร่อาจจะเป็นเพราะอยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านและเปลี่ยนโครงสร้างบริหารข้างในมั้งครับ และระหว่างการปรับวิสัยทัศน์ต่างๆ เพื่อเป้าหมายของเจ้าของใหม่ว่าต้องการให้ Instagram นั้นเติบโตไปในทิศทางใด

ระบบโฆษณาที่จะมาจริงๆ เรื่องการโฆษณาใน Instagram นั้นเป็นประเด็นใหญ่มายาวนาน เพราะมีความเห็นจากผู้ใช้จำนวนมาก บอกถึงโอกาสที่จะเลิกใช้บริการหากมีโฆษณาที่ให้ความเป็น Instagram ที่เคยเป็นหายไป

ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำเงิน IG เริ่มทดสอบระบบโฆษณามาตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งปลายปีนั้นก็บอกว่าจะเริ่มใช้งานจริงจังไม่ใช่แค่ทดสอบให้กับแบรนด์โฆษณาผมก็เห็นข่าวประปรายนะครับ ไม่รู้ว่าผลตอบรับหลังจากเปิดใช้ในบางประเทศนั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร ผลตอบรับในมุมของผู้ใช้นั้นดีหรือไม่ แต่ในภาพรวมผู้ใช้ IG ก็ยังเติบโตไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวาจนแซงทวิตเตอร์หรือว่าทวิตเตอร์หยุดโตก็ไม่รู้นะ

ถึงเวลาแล้วสำหรับการทำเงินจริงจัง

ถ้าติดตามหน้าข่าวไอทีตลอดทั้งปี 2015 ที่ผ่านมานี้ถือเป็นปีที่มีการเคลื่อนไหวของ IG เยอะมากในแง่ของการพัฒนาบริการ มีทั้งการเปิดบริการใหม่ และการปรับเปลี่ยนการทำงานของแอพเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานสูงขึ้น

เพิ่มความสะดวกในการส่งข้อความหากัน

การส่งข้อความที่เพิ่มการส่งรูปเฉพาะระหว่างผู้ใช้ ส่งอีโมคิคอน หากันระหว่างผู้ใช้ เพิ่มการดูข้อความย้อนหลังที่ส่งหากันได้

เพิ่มฟิลเตอร์

ปีนี้ IG เอาใจผู้ใช้ด้วยการเพิ่มฟิลเตอร์การแต่งภาพใหม่ๆ เมื่อต้นปี 3 ฟิลเตอร์ และปลายปี 2014 อีก 5 ฟิลเตอร์ ก็ถือว่าเยอะเพิ่มขึ้นจากเดิมพอสมควร ผมมองว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องปรุงในส่วนนี้ เพราะผู้ใช้จำนวนไม่น้อยที่แต่งภาพจากแอพอื่นที่มีความสามารถในการแต่งภาพที่หลากหลายกว่าแล้วนำภาพมาแชร์ใน IG แถมหลายแอพทำงานได้ดีกว่า

ปรับปรุงการใช้งานหน้าเว็บ

เดิมผู้ใช้ IG จะไม่สามารถดูภาพของตัวเองผ่านมาตรฐานเว็บได้ เป็นระบบปิดที่อยู่บนพื้นฐานแอพในมือถือเท่านั้น ในมุมหนึ่งก็เสมือนกันตัดโอกาสของการทำให้บริการนั้น สะดวกผู้ใช้มีทางเลือกในการเข้าถึงได้กว้างขึ้นใน เมื่อ IG นั้นเปิดหน้าเว็บไซต์ก็ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงรูปของผู้ใช้ทั่วไปรวมถึงคนดังได้ผ่านหน้าเว็บไซต์ได้มากขึ้น ในปีนี้ระบบเว็บถูกให้ความสำคัญมากกว่าเดิม การปรับปรุงระบบการค้นหา สามารถค้นหารูปที่ผู้ใช้ถ่ายรูปในสถานที่นั้นๆ ค้นหา tag สำคัญๆ ปรับปรุงการใช้งานประสบการณ์ผ่านเว็บให้ดีขึ้น

เปลี่ยนขนาดภาพ รองรับความละเอียดที่สูงขึ้น

ก่อนหน้านี้ถ้าใครจะถ่ายภาพ IG ภาพจะถูกจำกัดให้อยู่ในขนาด 1 ต่อ 1 เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำให้เกิดแอพหลายแอพที่ช่วยปรับภาพแนวตั้งแนวนอน มาให้อยู่ในขนาดสี่เหลี่ยมจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้หลายคนอยากลงภาพที่หลากหลายมากกว่าภาพแค่สี่เหลี่ยมจัตุรัส มากับปรับขนาดภาพที่แสดงในแอพให้ใหญ่ขึ้นรองรับขนาดหน้าจอความละเอียดสูง

Instagram ads

การเปลี่ยนแปลงมากมายในปีนี้เป็นการเตรียมตัวถึงเวลาที่ Instagram ต้องเติบโตเพื่อเป้าหมายหลักคือการทำเงิน Facebook คงไม่อยากซื้อมาประดับบ้านเล่นๆ และอีกมุมต้องโตในเรื่องของตัวเลขของผู้ใช้ที่มากขึ้นกว่าเดิม

ระบบโฆษณา Instagram ในประเทศไทยกำลังจะเริ่มเปิดให้บรรดาแบรนด์สินค้าได้ลงโฆษณาซึ่งจะเปิดพร้อมกับทีม Facebook ที่เปิดออฟฟิศในประเทศไทยรองรับแบรนด์และธุรกิจที่ลงโฆษณาผ่าน Facebook ให้สะดวกมากขึ้น โฆษณานี้เราสามารถเลือกปิดโฆษณาได้ ต้องเฝ้ารอดูว่าผู้ใช้ Instagram หลังจากนี้จะโตมากขึ้นแค่ไหนในมุมผู้ใช้และรายได้

…………………………………
(หมายเหตุ ‘ถึงเวลาที่ Instagram ต้องโตกว่าเดิม’ : คอลัมน์ Digital Master นิวัฒน์ ชาตะวิทยากูล)