(เป็นบทความที่เขียนไว้นานใน Blog ซึ่งปิดไปแล้วเลยขอเอามาลงที่นี่นะครับ ^^)
ความพิเศษของหนังเรื่อง วัยรุ่นพันล้าน Top Secret นอกจากความบันเทิงที่อยู่ในหนังแล้ว ก็ยังมีแง่มุมที่ให้แรงบันดาลใจกับคนดู โดยเฉพาะแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของ วัยรุ่นที่อยู่ภายใต้แรงกดดันและวิกฤตของครอบครัว ผมลองหากุญแจที่สำคัญที่ทำให้เจ้าของโรงงานสาหร่ายน้อยคนนี้ประสบความสำเร็จได้ โดยผ่านแง่มุมที่หนังนำเสนอ เรามาดูว่าเราได้อะไรจาก ต๊อปเถ้าแก่น้อยคนนี้บ้าง กับ 5 ข้อที่ จะทำให้คุณเริ่มต้นเป็นเถ้าแก่ที่ประสบความสำเร็จได้ครับ
มาเริ่มกันเลยกับข้อแรก
1. ช่างสังเกตุ
สมุดคู่ใจของต๊อบถูกหยิบขึ้นมาหลายฉากในเรื่อง เป็นสมุดที่ต๊อบหยิบขึ้นมาจดโน้ตเทคนิคในการทำธุรกิจที่สังเกตุได้จากสิ่งที่เห็นรอบๆตัว ในจุดนี้เองถือเป็นธรรมชาติของนักคิดและนักทำธุรกิจที่ดี โดยธรรมชาติ นี่้ป็นสิ่งหลายคนชมเจ้าพ่อนักสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่าง สตีฟจ๊อบ สิ่งที่จ๊อบสังเกตุเห็นไม่ใช่เห็นว่าทิศทางธุรกิจไปทิศทางใดแต่สังเกตุสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการมากกว่่าว่าต้องการอะไร เหมือนกันกับที่ นักวิเคราะห์และนักวางแผนกลยุทธ์ชั้นนำหลายท่านบอกไว้ว่า การสังเกตุความแตกต่างจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การตัดสินใจและแนวคิดในการวางแผนนั้นแตกต่างจากคู่แข่งได้ มองภาพกว้างแล้วก็อย่าลืมมองภาพในเชิงลึกด้วยเช่ยกัน การสังเกตุของพระเอกในเรื่องนั้นเป็นการเรียนนอกตำราที่ ไม่ได้ต่างจากในตำราเลย นั่นคือการสังเกตุที่ถูกต้อง
2. อย่าคิดเยอะ
บางครั้งก็เป็นเรื่องตลกของชีวิตครับ ที่คนส่วนใหญ่พยายามให้เราสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆที่สามารถสร้างธุรกิจและแก้ไขปัญหาต่างๆได้ แต่ในทางกลับกันก็พยายามส่งเราเข้าให้อยู่ในกรอบ ที่จะถูกสร้างให้แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเราเข้าไปอยู่ในระบบการศึกษา ประเด็นนี้หนังพยายามสื่อสารกับเราอยู่เช่นกัน ในเรื่องของความคิดนอกกรอบ และตัวต๊อบเองก็ได้ความคิดนอกกรอบนั้นมาอย่างไม่รู้ตัวด้วยความเข้าใจในรูปแบบที่ตัวเองสร้างขึ้น และความกล้าและแรงผลักดันต่างๆ นี้เองทำลายกรอบทางความคิดไปหมดสิ้น ประโยคนึงท่ีลุงได้พูดไว้ในหนังเป็นคำพูดที่น่าคิดคือ “ดีแล้วที่น้องต๊อปไม่คิดเยอะ ถ้าคิดเยอะน้องต๊อปคงไม่มาถึงจุดนี้”
3. ความรักและวิกฤตเป็นแรงผลักดันที่มีค่าในชีวิต
คนเราจะไม่มีแรงขับเคลื่อนหรอกหากเราไม่ได้พบกับความกดดันและวิกฤตของชีวิต หรือมีจุดหมายปลายทางในชีวิตที่ชัดเจน สิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนผลักดันของชีวิตของเถ้าแก่น้อยจากการนำเสนอในเรื่องมีอยู่ 3 แรงขับเคลื่อนหลักครับ สิ่งแรกคือ การพิสูจน์ตัวเอง สิ่งที่หนังนำเสนออยู่ในบทการสนทนาอยู่เสมอๆ ในช่วงแรกๆ คือ ทำใมถึงไม่ทำตัวให้ได้ดีอย่างพี่สาวและพี่ชาย ทำใมถึงต้องทำให้ป้ากับม้าหนักใจอยู่เสมอ แรงเปรียบเทียบนี้เป็นแรงขับเคลื่อนหนึ่งในการเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวถูกฝังอยู่ในความคิดเสมอมา อันที่สองคือ หนี้สิน ภาวะล้มละลายเป็นเรื่องที่ทำใจยากสำหรับทุกคน ภาระของหนี้สินเป็นส่วนผลักดันหลักให้ เป็นความรับผิดชอบหนึ่งของครอบครัวและแน่นอนเป็นของต๊อบด้วย และสุดท้ายความกตัญญูและความรักในครอบครัว แม้ว่าในเรื่องต๊อบอาจจะไม่ใช่เด็กที่ทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจมากซักเท่าไหร่นักและการกระทำที่ไม่ได้แสดงออกถึงความรักต่อคนในครอบครัวมากเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้ว ต๊อบมีความคิดที่จะช่วยครอบครัวอยู่ในตัวอยู่เต็มเปี่ยมในแบบที่เถ้าแก่น้อยเป็น ความรักและความมุ่งมั่นจากวิกฤตเป็นโอกาสที่จะสร้างความตั้งใจและแรงผลักดันมากมายในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆได้ อย่างไม่น่าเชื่อ
4. ทัศนคติ มั่นใจ กล้าและดื้อ
ด้วยความกล้าและดื้อในความเป็นเด็ก ทำให้กลายเป็นเป็นกลายเป็นผลดีในการทำธุรกิจ ความกล้าในการลงทุนทำธุรกิจ การดึงดันในความคิดของตัวเองอาจจะหาไม่ได้ในความคิดแบบผู้ใหญ่ที่พยายามเลี่ยงเรื่องความเสี่ยงในการทำธุรกิจและผ่านความล้มเหลวมาหลายครั้งซึ่งเหล่านั้นกลายเป็นกำแพงปิดกั้นความผิดหวังที่ก่อตัวขึ้นจากสัญชาตญาณการเรียนรู้ของความเป็นมนุษย์ที่เราจะไม่ผิดซ้ำในสิ่งท่ีกระทบกับจิตใจแง่ลบของชีวิต ตรงนี้เองค่อนข้างเป็นคุณสมบัติที่น้องต๊อปมีเหมือนกันกับ การดำเนินธุรกิจในแบบของคุณตันที่ไม่เคยท้อและยอมแพ้กับชีวิตและการทำธุรกิจ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย แต่อย่างของกรณีต๊อปเนี่ยความกล้าและดื้อมันมีความเฮงเข้ามาผสมโรงอยู่ด้วย
5. ขยัน และเอาจริง
ข้อสุดท้ายเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามนั่นคือความมุมานะอดทนและตั้งใจซึ่งก็คือความขยัน และความมุ่งมั่นในการเอาจริงเอาจังในการตั้งใจทำอะไรก็ตามของเถ้าแก่น้อยครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราถูกพร่ำสอนมาตลอด ว่าต้องขยันและอดทน เพราะความสำเร็จจะมองหาคนที่มีความขยันพยายามและไม่ย่อท้อเท่านั้นครับ
